coke vs pepsi
coke vs pepsi ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำอัดลมที่ต่อสู้กันมากกว่า 130 ปี แบรนด์ไหนชนะใจผู้บริโภคมากกว่ากัน ในยุคของการแข่งขันสู้กันยกพอร์ตโฟลิโอ
ประวัติเป๊ปซี่ เป๊ปซี่นั้น ในปี ค.ศ. 1898 คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้เป็นยาในร้านขายยาของนาย คาเลบ แบรดแฮม (Caleb D. Bradham) เภสัชกรจากเมืองนิวเบิร์น รัฐนอร์ทแคโรไลนา คาเลบ แบรดแฮม รู้ว่าเพื่อเป็นการเรียกลูกค้าให้กลับมาใช้บริการร้านขายยาของเขาอีก เขาจะต้องทำให้ร้านขายยากลายเป็นแหล่งนัดพบกัน ในตอนเปลี่ยนเข้าศตวรรษใหม่เขาทำอย่างที่เภสัชกรหลายๆ ทำ คือมีตู้น้ำโซดาในร้านขายยา ซึ่งเขาบริการเครื่องดื่มแก่ลูกค้าด้วยน้ำโซดาที่เขาปรุงขึ้นเองโดยเป็นส่วนผสมของ น้ำคาร์บอเนต ผลโคล่า วานิลลา และน้ำมันหอมสกัด ลูกค้าของเขาพากันเรียกเครื่องดื่มนี้โดยใช้ชื่อว่าเครื่องดื่มคาร์บอเนต ใช้เครื่องหมายการค้าครั้งแรกว่า “แบรดส์ ดริงค์” (Brad’s Drink) เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม และในปี ค.ศ. 1902 นายแบรดแฮม ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้ชื่อ “เป๊ปซี่-โคล่า” (Pepsi-Cola)
จากนั้นในปี 1903 สินค้าของเป๊ปซี่ก็ถูกขายและขาย ช่วยในการย่อยอาหารโดยรักษาความคิดริเริ่มและลักษณะเฉพาะ ดังนั้น ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก เครื่องดื่มนี้จึงโฆษณาว่า ‘สดชื่น มีชีวิตชีวา และช่วยย่อยอาหาร’ Caleb เปลี่ยนชื่อเป็น Pepsi-Cola และสาขาแรกก่อตั้งขึ้นใน Charlotte และ Durham รัฐนอร์ทแคโรไลนา แปดปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2449 เป๊ปซี่เปลี่ยนโลโก้อีกครั้ง โดยมีโลโก้ที่สาม ข้อความโฆษณา “The Original Pure Food Drink” และปัจจุบันมีโรงงานบรรจุขวด 15 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา เครื่องหมายการค้าเป๊ปซี่ได้รับการจดทะเบียนในแคนาดา ยอดขายอยู่ที่ 38,605 แกลลอน และได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเป๊ปซี่ในปีถัดมา ในปี 1907 ในเม็กซิโก ข้อความได้เปลี่ยนเป็น “อร่อยและดีต่อสุขภาพ” (อังกฤษ: “Delicious and healthy”) ซึ่งฉันใช้มานานกว่า 20 ปี
และโปรโมตเครื่องดื่มใหม่ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบ เมื่อยอดขายเป๊ปซี่-โคล่าเริ่มเติบโต เขาก่อตั้งบริษัทเพื่อทำการตลาดเครื่องดื่มชนิดใหม่ และในปี พ.ศ. 2445 เขาได้ก่อตั้งบริษัทเป๊ปซี่-โคล่า ห้องด้านหลังของเภสัชกร เขาจดสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้าและได้รับสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2446 เริ่มแรกเขาปรุงเครื่องดื่มเองและขายผ่านเครื่องขายอัตโนมัติ แต่ในไม่ช้า Caleb ก็ตระหนักว่าโอกาสอันยิ่งใหญ่รอเขาอยู่ – นั่นเป็นวิธีที่ Pepsi-Cola บรรจุขวด เพื่อให้ผู้ชมทุกกลุ่มสามารถลิ้มรสเครื่องดื่มของเขาได้
ประวัติเป๊ปซี่ ในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 มีปรากฏการณ์ทางธุรกิจที่น่าจดจำเกิดขึ้น: นักธุรกิจ สื่อ และผู้บริโภคเห็นว่าเป๊ปซี่กำลังเติบโต Coca-Cola เข้าสู่ตลาดน้ำอัดลมด้วยความสำเร็จอย่างมาก สื่อต่างขนานนามการแข่งขันว่า “Cola Wars” และส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมน้ำอัดลม ในปี 1965 โลโก้ได้เปลี่ยนจากฝาขวดเป็นสัญลักษณ์ที่เรียบง่าย
ตลอดทศวรรษที่ 70 เป๊ปซี่ยังคงก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ขวดขนาดใหญ่เข้าสู่ตลาด ได้แก่ ขวดขนาด 32 ออนซ์และ 64 ออนซ์ ต้องขอบคุณขวดพลาสติกน้ำหนักเบาที่สามารถรีไซเคิลได้และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ พลาสติกจึงเบาและแข็งแรงกว่าแก้ว สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปและยุคของเป๊ปซี่ยังคงดำเนินต่อไปในเวลาที่เหมาะสม ไดเอทเป๊ปซี่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โฆษณา Mountain Dew รายการแรกออกอากาศทั่วประเทศทางโทรทัศน์ ประมาณ 15 ปีต่อมา รองประธานาธิบดี Nixon และตู้จำหน่าย Pepsi Cola ของนายกรัฐมนตรี Khrushchev ของโซเวียต ที่งานนิทรรศการของอเมริกา เป๊ปซี่กลายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคของชาวอเมริกันรายแรกที่ผลิตในสหภาพโซเวียต
ในช่วงห้าปีของ Pepsi Challenge กลยุทธ์การตลาดระหว่างประเทศได้รับการพัฒนา เมื่อผู้บริโภคได้ลองชิมและยืนยันว่าหลายคนชอบรสชาติของเป๊ปซี่มากกว่าโค้ก เป๊ปซี่ชาเลนจ์จึงเปลี่ยนความจริงให้กลายเป็นการโฆษณา ด้วยการบันทึกการทดลองดื่มเป๊ปซี่และโค้ก แคมเปญนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ทางการตลาด ช่วยให้เป๊ปซี่ได้รับส่วนแบ่งการตลาดเป็นประวัติการณ์ในปี 2519 เป๊ปซี่-โคล่า เป๊ปซี่กลายเป็นน้ำอัดลมที่ขายดีที่สุดในซูเปอร์มาร์เก็ตของอเมริกา และในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เป๊ปซี่เป็นผู้ขายแบบซื้อกลับบ้านอันดับหนึ่ง (แหล่งช้อปปิ้งและร้านสะดวกซื้อ) ตลาดลดน้ำหนักกำลังขยายตัว ไดเอทเป๊ปซี่ก็เฟื่องฟูเช่นกัน และเมาน์เทนดิวเปิดตัวแคมเปญโฆษณา Give Me a Dew
คอนเสิร์ต เป๊ปซี่ ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าปี 1984 เป็นวันครบรอบ 20 ปีของการสร้างเป๊ปซี่ แต่เป็นการสร้างบทใหม่ในประวัติศาสตร์การโฆษณา ครั้งนี้ดนตรีป๊อปเป็นเวทีกลางที่เป๊ปซี่ ทางเลือกของคนรุ่นใหม่ทำให้เป๊ปซี่อยู่แถวหน้าของวัฒนธรรมป๊อปอีกครั้ง เรานำโลกมารวมกันด้วยโฆษณาของโค้ก เรานำธุรกิจและความบันเทิงมารวมกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การเดินทางสู่ความสำเร็จของเป๊ปซี่ ตั้งแต่โฆษณา Pepsi Generation ไปจนถึง Pepsi Challenge ไปจนถึง New Generation ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ Coca-Cola ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Pepsi-Cola ทั้งหมด เพื่อหลีกหนีจากการเติบโตของ Pepsi โค้กล้าสมัยจนทิ้งสูตรส่วนผสมดั้งเดิมและทำให้รสชาติใกล้เคียงกับเป๊ปซี่มากขึ้น แต่ผู้บริโภคปฏิเสธอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง Coca-Cola ต้องกลับไปใช้ผลิตภัณฑ์เดิมภายใต้ชื่อ Coca-Cola Classic ประธาน Roger Enrico ของ Pepsi จึงประกาศชัยชนะในสงครามโค้ก
ให้รางวัลแก่พนักงานเป๊ปซี่ด้วยการประกาศวันหยุดเพิ่มเติมตลอดช่วงปี 1980 นักร้องเพลงป๊อป Lionel Richie, Tina Turner, David Bowie, Glenn Frey, Gloria Estafan, ตำนานกีฬา Joe Montana, Dan Marino และผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีหญิงคนแรก Geraldine Ferraro ต่างก็ลดน้ำหนักเช่นกัน แสดงในโฆษณา Pepsi…และ Diet โฆษณาของเป๊ปซี่ ไมเคิล แจ็กสันแสดงในโฆษณาระดับมหากาพย์ และเป๊ปซี่ก็ขึ้นกระสวยอวกาศหรือกระป๋องอวกาศที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ขณะที่มันขยายฐานผู้บริโภคด้วยการโฆษณา การขยายตัวระหว่างประเทศยังคงดำเนินต่อไป เป๊ปซี่เปิดตลาดใหม่โดยจัดจำหน่ายไปยังประเทศจีน ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 มีโรงงานเป๊ปซี่มากกว่า 600 แห่งใน 148 ประเทศทั่วโลก
เป๊ปซี่ประเทศไทย ธุรกิจ Pepsi-Cola เริ่มต้นจากการโฆษณาภายใต้แนวคิดที่ต้องการความสดชื่น มีชีวิตชีวา และย่อยง่าย Ppsi-Cola เปิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2449 ได้เปิดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่งในเมือง Charlotte และ Durham รัฐนอร์ทแคโรไลนา พวกเขาเพิ่มเป็น 15 และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี 1907 ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นเป็น 40 ในช่วงปลายทศวรรษ 1910 มีร้าน Pepsi-Cola ใน 24 รัฐ และเครื่องดื่ม 100,000 แกลลอนต่อปี Caleb เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก . ผู้ผลิตขวดเป๊ปซี่-โคล่า นักลงทุน และเงินทุนที่มั่นคงเพื่อขยายองค์กร เป็นพื้นฐานของธุรกิจ เป๊ปซี่-โคล่า จากวันนั้นถึงวันนี้
ในปี ค.ศ. 1920 เป๊ปซี่เปิดตัวสู่ตลาดด้วยแนวคิด “ดื่มเป๊ปซี่-โคล่าให้อิ่ม” ) New York Bradham ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 26 เซนต์ต่อปอนด์ได้ลงทุนในสต๊อกน้ำตาลจำนวนมาก เนื่องจากราคายังคงเพิ่มสูงขึ้น และภายในสิ้นปี ความต้องการน้ำตาลลดลง ทำให้ราคาลดลงอย่างมากเหลือเพียง 2 เซนต์ต่อปอนด์
ในปี 1923 ถึงเวลาที่บริษัท Pepsi-Cola จะต้องประกาศล้มละลาย ขายทรัพย์สินให้กับ Craven Holding Corporation แห่ง North Carolina มูลค่า 30,000 ดอลลาร์ Roy C. Megargel นายหน้า ซื้อขายหุ้นจากตลาดหุ้น Wall Street ได้รับเครื่องหมายการค้า ธุรกิจ และค่าความนิยมจาก Craven Holding Corporation ระดมเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อก่อตั้งบริษัท Pepsi-Cola Corporation จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในอาร์เจนตินาในปี พ.ศ. 2475 และเริ่มขายขวดขนาด 12 ออนซ์ในราคา 5 เซ็นต์ ซึ่งเป็นราคาเดียวกับขวดขนาด 6 ออนซ์ของคู่แข่ง ในปี พ.ศ. 2477
ในปี พ.ศ. 2482 การ์ตูนสั้นเรื่อง “เป๊ปซี่กับพีท” (Pepsi & Pete) ปรากฏในหนังสือพิมพ์ ในปีต่อมา วลี “twice nickel” ถูกนำมาใช้เพื่อนิยามเป๊ปซี่ว่าเป็น “twice nickel” ในหมู่ผู้บริโภค ซึ่งนำไปสู่การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเป๊ปซี่ 1940 ในเม็กซิโก
Pepsi ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดโดยวางภาพลักษณ์สินค้าเป็นเครื่องดื่มที่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ทันสมัย ทั้งนี้เพื่อตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่อยู่เสมอ ทำให้เกิดแคมเปญ และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของ Pepsi อาทิเช่น แคมเปญ “Generation Next” ที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความก้าวล้ำสู่อนาคต ท้าทายความแปลกใหม่ และแบบแผนในอดีตด้วยความคิดสร้างสรรค์
เป๊ปซี่ รสชาติต่างๆ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่อีกครั้งด้วยการจัดทำเว็บไซต์บันเทิงบนโลกอินเทอร์เน็ต ในนาม “Pepsi World” จนเป็นเว็บไซต์ยอดฮิตของเหล่าคนรุ่นใหม่
Pepsi โฆษณาตนเองหลากหลายช่องทางมากขึ้น และเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและจูงใจผู้บริโภค โดยทำการเลือกใช้พรีเซนเตอร์ที่มีชื่อเสียงในโฆษณาสื่อถึงภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ Pepsi ทำการออกรสชาติที่หลากหลายตอบสนองทุกๆความต้องการของคนรุ่นใหม่ ผลิตภัณฑ์ Pepsi ให้รสชาติของความสดชื่นในทุกเวลา
ผู้คนรู้จัก Pepsi ผ่านทั้งทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต และ ตู้เครื่องดื่ม โดยการโฆษณาและการตลาดที่เหนือชั้นของ Pepsi ทำให้ Pepsi เป็นแบรนด์ได้รับการกล่าวขานจวบจนปัจจุบัน
coke vs pepsi ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำอัดลมที่ต่อสู้กันมากกว่า 130 ปี แบรนด์ไหนชนะใจผู้บริโภคมากกว่ากัน ในยุคของการแข่งขันสู้กันยกพอร์ตโฟลิโอ
น้ําอัดลม มีสารอะไรบ้าง ถ้าเรารู้จักที่จะควบคมปริมาณการรับประทาน ไม่ให้มากจนเกินไป ก็ถืว่าเป็นเครื่องดื่มที่ดับกระหายครายร้อนได้ดีทีเดียว
เป๊ปซี่ ประเทศไทย ร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ตอบแทนสังคม พร้อมส่งต่อความซ่าของเป๊ปซี่ และเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาล กับเราได้แล้ววันนี้
ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดโดยวางภาพลักษณ์สินค้าเป็นเครื่องดื่มที่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ทันสมัย ทั้งนี้เพื่อตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่อยู่เสมอ ทำให้เกิดแคมเปญ และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของ Pepsi อาทิเช่น แคมเปญ “Generation Next” ที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความก้าวล้ำสู่อนาคต ท้าทายความแปลกใหม่ และแบบแผนในอดีตด้วยความคิดสร้างสรรค์